[ฉบับจับมือสอน] Binance เว็บเทรด Cryptocurrency การลงทุนที่จะมาเป็นอนาคตแทนสินค้าเทรดตัวที่น่าเบื่อซ้ำซากแบบเก่าๆ (2024)

“RISK WARNING: PLEASE NOTE THAT CRYPTOCURRENCY TRADING ENTAILS SUBSTANTIAL RISK OF LOSS, AND MAY NOT BE SUITABLE TO EVERYONE. TRADING COULD LEAD TO LOSS OF YOUR INVESTED CAPITAL”. IQ Option Europe Ltd’s full Risk Disclosure Statement

ในการเลือกซื้อ Cryptocurrency นั้นมีอยู่ไม่กี่ทาง และหนึ่งในนั้นก็คือการเลือกไปซื้อเทรดกันที่เว็บ Exchange ที่มีให้บริการในแต่ละประเทศ ซึ่งเว็บเทรด Cryptocurrency ในประเทศไทยของเราก็มีเจ้าใหญ่อยู่แค่สองเว็บหลักซึ่งก็คือBitkub.comและSatang.proแบบที่หลาย ๆ คนคุ้นเคยกัน ซึ่งทั้งสองเว็บนี้ก็จะมีลิสของเหรียญที่แตกต่างกันไปเช่น Bitkubมี Ripple (XRP) ส่วน Satang Proก็มี Monero(XMR)

แน่นอนว่าถ้านักเทรดไฟแรงที่อยากซื้อเหรียญอื่น ๆ ต้องทำอย่างไร ใช่แล้วเราต้องเลือกเว็บ Exchange ต่างประเทศที่มีเหรียญสกุลนั้น ๆ และหนึ่งในเว็บเทรดที่กำลังถูกกล่าวถึงช่วงนี้คงไม่แพ้เว็บเทรดสัญชาติจีนนามBinance

ทว่าเว็บดังกล่าวเป็นเว็บให้บริการซื้อขาย Cryptocurrency ที่แตกต่างจาก Bitkub และ Satang Pro ตรงที่ผู้ใช้งานจะไม่สามารถใช้เงินสด หรือหน่วยเงินจริงในการซื้อขายได้ แต่จะสามารถซื้อขายได้เฉพาะแบบ crypto-to-crypto เท่านั้น ดังนั้นเว็บดังกล่าวจะไม่รับฝากเงินเป็นเงิน fiat เลย แต่จะใช้เหรียญคริปโตที่ชื่อว่า USDT หรือเหรียญคริปโตที่ใช้แทนเงิน USD แบบในอัตราส่วน 1:1 มาทดแทนกัน ที่สำคัญ พวกเขามีจำนวนเหรียญให้เลือกเทรดมากกว่า 100 เหรียญ และยังมีแผนการที่จะเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อย ๆ ในอนาคต

Binance เว็บเทรด Cryptocurrency สัญชาติจีนดีไซน์และความน่าใช้

เว็บเทรดขนาดใหญ่ที่มีผู้ใช้จากทั่วโลก ดีไซน์ด้วยสีดำ-ขาว-เหลือง ใช้งานง่าย คนที่เคยเล่นจากกระดานBitkubหรือSatang Proมาแล้วก็จะสามารถเข้าใจแนวคิดและการใช้งานได้ไม่ยากเย็นนัก ทางBinanceได้เพิ่มแถบเมนูหลักให้อยู่ด้านบนพร้อมโลโก้ของเว็บ Binance มีปุ่มภาษาให้เลือกแปดภาษา แต่ยังไม่มีภาษาไทยในตอนนี้

ส่วนตารางกราฟของเหรียญ ทางBinanceได้ออกแบบมาสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นใช้งานไปจนถึงแบบผู้ชำนาญในการดูกราฟ เมื่อกดปุ่ม Exchange แล้วก็จะมีสองปุ่มให้เลือก คือ Basic และ Advance โดยความแตกต่างของทั้งสองโหมดนี้ก็คือรายละเอียดของเครื่องมือที่ทางBinanceหยิบยื่นให้ผู้ใช้งานตามความถนัดและความชอบ โดย Basic นั้นจะเหมาะกับผู้เริ่มต้นใช้งานใหม่ หรือผู้ที่ไม่ต้องการความยุ่งยาก ในขณะที่แบบ Advance ก็จะเหมาะกับผู้ที่เคยชินกับเว็บเทรดแล้วนั่นเอง

ถัดมาภาพทางด้านซ้ายก็คือ Order ที่ตั้งซื้อและขายของเหรียญนั้นเช่นในภาพคือราคา BTC/เหรียญ จำนวนเท่าไร และ Total ทั้งหมดที่ซื้อ ส่วนด้านบนคือราคาล่าสุดของเหรียญนั้น ๆ ว่าราคาเท่าไร โดยหลัก ๆ แล้วจะมีหน่วยพื้นฐานเป็น BTC และ USDT เว็บเทรด

และภาพที่สองคือราคาของเหรียญนั้นกับหน่วยที่ซื้อซึ่งเว็บBinanceมีตลาด 4 ตัวด้วยกันก็คือ BTC, ETH, BNB, USDT นั่นเอง

ที่น่าสนใจคือแพลตฟอร์มดังกล่าวรองรับระบบเทรดแบบ Stop Limit หรือการตั้งคำสั่งให้เกิดออเดอร์ซื้อขายเมื่อราคามาถึงจุดที่เราตั้งไว้ ระบบดังกล่าวจะคล้าย ๆ กับ Limit แต่ความแตกต่างก็คือมันจะทำการซื้อหรือขายในกรณีที่ราคาเลยจุดเบรคเอาท์ของราคานั้น ๆ มาแล้ว

ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณต้องการจะเก็งกำไรเหรียญ​ BNB โดยใช้ BTC ซื้อ แต่ล่าสุดเหรียญ BNB มีราคาอยู่ที่0.000165 BTC และภายหลังจากการวิเคราะห์กราฟแล้ว คุณพบว่าราคาเหรียญดังกล่าวมีแนวต้านอยู่ที่ 0.000169 BTC ดังนั้นการ breakout ของราคออกมาจากแนวต้านดังกล่าวนี้ในทาง Technical analysis นั้นจะถือเป็นการคอนเฟิร์มว่าราคาของเหรียญดังกล่าวจะพุ่งขึ้นต่อไปอีก ดังนั้นการตั้งคำสั่ง stop limit ที่ 0.000170 BTC จะทำให้แพลทฟอร์มช่วยซื้อเหรียญให้อัตโนมัติที่ราคาในระดับสูงกว่า 0.000170 BTC โดยอัตโนมัติ และผู้เทรดก็จะไม่ตกรถนั่นเอง

เว็บBinanceมีระบบ Chat ให้เพลิดเพลินเหมือนBitkubและSatang Proและมีกิจกรรมจากทางเว็บให้ผู้เล่นได้ร่วมสนุกอย่างมากมายเช่นกิจกรรมทำวีดีโอสอนการเทรด ก็มีรางวัลให้เป็นเหรียญ BNB ของทางเว็บเองด้วย

การสมัครสมาชิกของเว็บดังกล่าวนั้นไม่ยากเหมือนเว็บทั่ว ๆ ไป โดยBinanceจะใช้มาตรฐานการทำ KYC ที่ประกอบไปด้วยการถ่ายรูปพาสปอร์ตพร้อมกับเจ้าของตามปกติ โดยหากทำ KYC เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทาง Binance จะทำการ Verify เหมือนเว็บ Exchange อื่น ๆ ถ้าใครไม่ Verify การถอน Bitcoin ออกจะถูกจำกัดแค่ 2 BTC ต่อวันเท่านั้น ถ้าเรามีความจำเป็นต้องถอนมากกว่า 2 BTC ควรจะ Verify ครับ

เหรียญที่มีให้เทรด

เมื่อกล่าวถึงเหรียญที่มีอยู่ในเว็บ Binance แน่นอนว่า มีเหรียญที่หลากหลายให้ผู้ใช้งานเลือกเทรด โดยปริมาณเหรียญที่มีนั้นมีมากกว่า 100 เหรียญไม่ว่าจะเป็น XRP, BTC, ETH, LTC, XLM, ADA, LINK, EOS, NEO, ZEC, XTZ, XMR, TRX, BNB, BCH, BSV, BAT, DASH, DOGE, ETC, XZC, OMG, NEM, QTUM, BTG และอื่นๆ อีกมากมาย โดยเหรียญส่วนใหญ่นั้นจะถูก quote คู่กับ BTC, BNB, ETH และ USDT หรือเหรียญใหญ่ ๆ หลัก ๆ

ความปลอดภัย?

ทางเว็บBinanceมีระบบป้องกันเหมือนกับเว็บ Exchange อื่น ๆ ด้วยระบบ2FA Authenticatorและ SMS ที่รองรับเบอร์โทรศัพท์ทั่วโลก แต่อย่างไรก็ตาม ทางเราแนะนำให้ใช้ 2FA จะดีกว่า เนื่องจากการใช้แอพนั้นมีความปลอดภัยกว่าในกรณีที่ SIM card หาย ผู้ที่เพิ่งสมัครใหม่ควรจะติดตั้งระบบดังกล่าวเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลและเหรียญคริปโตที่อยู่ภายในนั้น

การฝากเงิน

แน่นอนความแตกต่างของเว็บซื้อขายเหรียญคริปโตแบบ crypto-to-crypto นั้นก็คือทางBinanceสามารถรับสกุลได้เกือบทุกเหรียญ แต่จะไม่รับสกุลเงิน fiat ธรรมดาทั่ว ๆ ไป โดยผู้ใช้งานเพียงแค่โอนเหรียญ cryptocurrecny มาจากเว็บ Exchange ที่เราใช้บริการอยู่ไม่ว่าจะเป็นBitkubและSatang Proเช่น เหรียญ BTC จากเว็บBitkubและSatang Proมายัง Address BTC ของ Binance ก็จะสามารถทำการฝากเงินเข้าไปในเว็บเทรดโดยที่ไม่จำเป็นต้องมาปวดหัวกับการยืนยันบัญชีธนาคารแม้แต่น้อย

เพียงแค่เรากดตรงปุ่ม Fund เลือก Deposits Withdrawals ก็จะเข้าหน้าฝากหรือถอนเหรียญ

เราจะเห็น List เหรียญที่จะโอนหรือถอนมากมาย เพียงแค่คุณเลือกเหรียญที่คุณมีใน Exchange ที่ใช้บริการอยู่แล้วก็พอ และหากต้องการจะฝาก Bitcoin ก็กด Deposit > Copy Adress แล้วไปแปะที่เว็บ Exchange ต้นทางที่จะโอน สุดท้ายก็สามารถรอรับได้เลย

เป็นหุ้นส่วนด้าน Blockchain ผ่าน Binance Lab

ทางเว็บBinanceเปิดบริการ Blockchain Technology Incubator หรือพี่เลี้ยงที่ช่วยบ่มเพาะบริษัทสตาร์ทอัพด้าน Blockchain ที่มีความสนใจเปิดบริษัทในด้านนี้ แต่ไม่มีความรู้และความสามารถ โดยทาง Binance จะช่วยดูแลให้ในทุก ๆ ขั้นตอนตั้งแต่การระดมทุน, การเปิดตัวผลิตภัณฑ์, การลิสเหรียญ, และอื่น ๆ อีกมากมาย

Technical Support

ทางเว็บBinanceมี FAQ ที่คอยช่วยเหลือผู้ใช้เมื่อเกิดเหตุขัดข้อง หรือบริการไม่ได้ แต่ถ้า FAQ ยังไม่สามารถช่วยเหลือผู้ใช้งานได้ทาง Binance ก็มี Submit a request บริการเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มีการขอความช่วยเหลือดังกล่าวเป็นแบบ Live chat เหมือนของBitkubและSatang Pro

ความพิเศษของเว็บ Exchange นี้ก็คือแอปพลิเคชันที่ออกมาทั้ง Android และ iOS ก็เพื่ออำนวยความสะดวกในการเทรด การดูราคาเหรียญ History Profit และอื่น ๆ อีกมากมาย

หน้าMarketจะเป็นหน้ารวมของทุกเหรียญในเว็บBinanceเราสามารถดูได้ทั้ง 5 สกุลในการเทรดได้เลยไม่ว่าจะเป็น BTC, BNB, ALTS (ETH,TRX,XRP), FIAT (USDT,BKRW,BUSD,TUSD,USDC,PAX,AUD,BIDR,DAI,EUR,GBP,IDRT,NGN,RUB,TRY,ZAR,UAH), ETF (USDT) และที่ทุกคนน่าจะใช้บ่อยก็คือแถบ Favourite ที่สามารถลิสเหรียญที่เราชอบดูเป็นพิเศษได้ โดยที่ไม่ต้องเลื่อนจอเพื่อค้นหานั่นเอง

หน้าTradeแน่นอนว่าหน้านี้มีไว้กดสั่งซื้อ/ขายเหรียญที่เราต้องการได้เลย โดยสามารถตั้ง Limit Order ได้ด้วยเวลาเราไม่ว่างที่จะเข้ามาดูหรือเช็คราคาเหรียญ เราก็ตั้งราคาที่เราต้องการที่จะซื้อหรือขายได้เลย

หน้าFundตัวนี้ชอบเป็นพิเศษ เพราะมันจะบอกเหรียญที่เราซื้อ Profit ที่เราได้การจากเทรดและบอกหน่วยทั้ง BTC และ USD ให้ เมื่อถึงเวลาที่เราขาย ณ ตอนนั้นนั่งเอง และยังมี Function ซ่อน Profit ให้เผื่อมีคนมาแอบดู Port ของเรา

หน้าAccountคือหน้าที่จัดการบัญชีของเราเองไม่ว่าจะเป็น Password การ Verify การตั้งค่า F2A และอื่น ๆ

ค่าธรรมเนียม

สำหรับเว็บBinanceค่าธรรมเนียมในการเทรดอยู่ที่ 0.050% ของโวลลุ่มที่เทรดต่อครั้ง ส่วนขั้นต่ำในการถอน ถ้าเป็น Bitcoin จะอยู่ที่ 0.002 BTC (ตามอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) ส่วน Ethereum อยู่ที่ 0.02 ETH (ตามอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) เท่านั้น ส่วนเหรียญอื่นๆ ก็มีสัดส่วนที่แตกต่างกันไป

สำหรับบุคคลที่สนใจเทรดเหรียญที่อยู่นอกเหนือจากกระดานBitkubและSatang Proแล้วนั้นละ ก็เว็บBinanceถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะด้วยเว็บที่ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยากและยังมี App รองรับทั้ง Android และ iOS (Beta) อีกด้วย